ในสัปดาห์ที่ 11 จึงหยุดเทรดเกือบทั้งหมดเหลือแค่ 1 พอร์ตคือ EN11 เพื่อมีเวลาทบทวนปรับปรุงระบบฯ
- และในสัปดาห์ที่ 12 ก็เริ่มรันอีเอใหม่แบบ Long only และ Short Only แยกพอร์ตกัน
- ผลเทรดออกมาแบบต่ำกว่าเป้าหมาย เป็นเพราะไม่กล้าเสี่ยงมาก มีความกลัวเกิดขึ้น
- ประสบการณ์และสิ่งที่ได้เรียนรู้ในสองสัปดาห์นี้ได้แก่
- วิธีแยกรันอีเอแบบ Long only และ Short only เป็นคนละพอร์ตสามารถลดความรุนแรงของการขาดทุนได้จริง แต่ก็มีผลทำให้ได้กำไรลดลงตามไปด้วย
- การรันอีเอ TFC_Robo_2057 ให้พอร์ตอยู่รอดมีหลายวิธี
แบบนี้ไม่ต้องเสียเวลาแก้ไขพอร์ต แต่อาจต้องใช้เงินทุนมากเพื่อรักษาพอร์ตให้อยู่รอด เพราะถ้าราคาโดนลากยาว ๆ สัก 500 Pips ก็อาจจะเสี่ยงต่อการล้างพอร์ตได้ง่าย ๆ
แบบที่ 2 : ตั้งค่า Max.Order = 25
คล้ายรันแบบ Default แต่ใช้เงินทุนน้อยกว่า
แบบที่ 3 : ตั้งค่า Max.Order เป็นขั้น ๆ จาก 10 แล้วเพิ่มเป็น 11, 12, 13,..., 25
แบบนี้สามารถอยู่รอดต่อการลากยาว ๆ ได้ดีขึ้นแต่ก็อาจเสียโอกาสในการแตะจุด Tp เพราะไม่ได้เปิดออร์เดอร์ Lot size ใหญ่ ๆ ก่อนการกลับตัว ซึ่งก็อาจชดเชยกำไรที่ควรจะได้โดยการทยอยเก็บกำไรเอง โดยปิดบางออร์เดอร์เฉพาะออร์เดอร์ที่มีกำไร
แบบที่ 4 : เปิดรันอีเอเพิ่มอีกกราฟใน ทิศทางเดียวกัน
หลังจากที่กราฟแรก Drawdown ไปเกินกว่า 10 ไม้แล้ว
แบบที่ 5 : เปิดรันอีเอเพิ่มอีกกราฟใน ทิศทางตรงกันข้ามกับกราฟแรก
หลังจากที่กราฟแรกเกิด Drawdown ไปเกินกว่า 10 ไม้แล้ว แบบนี้มีข้อควรระวังคือ อาจจะเกิด Drawdown เพิ่มในกราฟที่สองก็เป็นได้หากกราฟราคามันกลับตัว
แบบที่ 6 : แบบ Mix Hedge
มีตัวอย่างดังนี้คือ
- เปิดรัน TFC ตามปกติ Long Only ตั้ง Max.order = 10 (Lot สะสม = 1.5 , DD = 63 pips)
- เปิด Pending order : Sell เพื่อ Hedge ไว้ที่ราคา DD = 63 pips ขนาดเป็น 2 เท่าคือ 1.5 x 2 = 3.0 Lot
- ตั้ง Tp ของ Hedge นั้นไว้ที่ 63 pips
เปิดรันอีเออยู่
ตอบลบต้องถามตัวเองว่า
ถ้าราคาวิ่งขึ้นยาว ๆ แล้วจะเกิดผลกระทบกับพอร์ตนั้นยังไง
ถ้าราคาวิ่งลงยาว ๆ แล้วจะเกิดผลกระทบกับพอร์ตนั้นยังไง