วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560

วิเคราะห์ผลเทรดประจำสัปดาห์ที่ 2 ของปี 2560 (วันที่ 9-13 ม.ค.60)


  • หลังจากสัปดาห์แรกได้รัน EA ในบัญชีจริงเป็นพอร์ตแรกของปี 60 นี้ไปแล้วได้ผลเทรดเป็นที่น่าพอใจ คือได้กำไรเฉลี่ยประมาณ 1% ต่อวัน ดังนั้นต้องรันต่อเป็นสัปดาห์ที่สองเพื่อดูว่ายังคงให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอยาวนานแค่ไหน มีปัญหาอะไรไหม และหากผิดทางจะแก้พอร์ตอย่างไร นอกจากนี้ยังต้องรัน Split Test เพื่อเปรียบเทียบผลรันกับ Input พารามิเตอร์แบบอื่น เป็นการค้นหาค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ที่เหมาะสม
  • Split Test รัน EA: TFC_Robo_2057 เปรียบเทียบกัน 3 แบบดังนี้
    • Port#1
      • Ex-K4565
      • Lots = 0.01
      • Lots_plus = 0.03
      • Step = 7.0
      • Tp = 5.0
      • Use_time_trade = 0-20
      • Maximum_order = 15
    • Port#2
      • Ex-K8302
      • Lots = 0.01
      • Lots_plus = 0.03
      • Step = 10.0
      • Tp = 10.0
      • Use_time_trade = 0-20
      • Maximum_order = 15

      • Port#3
        • Xm-K8581
        • Lots = 0.02
        • Lots_plus = 0.06
        • Step = 7.0
        • Tp = 5.0
        • Use_time_trade = 3-22
        • Maximum_order = 15
    • Port#1 มีผลเทรดดังนี้


    • Port#2 มีผลเทรดดังนี้



    • Port#3 มีผลเทรดดังนี้

    • วิเคราะห์ผลเทรดได้ดังนี้
      • ในสัปดาห์นี้ การตั้งค่าพารามิเตอร์ตามค่า Default (Port#1) คือ Lots = 0.01, Lots_plus = 0.03 , Step = 7.0 และ Tp = 5.0 ได้ผลตามเป้าหมายคือวันละ 1% ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน
      • Port#2 และ Port#3 มีโอกาสขาดทุนมากกว่าเพราะหลังจากเทรดไปได้ 4 วันบางช่วงเวลาเกิด Drawdown มากจนกระทั่ง Equity ลดลงจนต่ำกว่าทุน
      • Port#2 ได้กำไรเฉลี่ย 0.5 % ต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย
      • Port#2 และ Port#3 แต่ละวันมีจำนวนออร์เดอร์ ที่ยังไม่ถึงจุด Tp ค้างอยู่จำนวนมาก แต่ Port#1 มีออร์เดอร์เหลือค้างจำนวนไม่กี่ออร์เดอร์เพราะ Tp line ทั้งด้าน Short และ Long ขยับเข้าใกล้กันมากกว่า Port อื่น ทำให้รัน Port#1 แบบไม่ต้องวิตกกังวลเหมือนกับ Port#2 และ Port#3
      • เดิมเข้าใจผิดมาตั้งนานว่ายิ่งตั้ง Step ห่าง ๆ และ Tp มาก ๆ ยิ่งปลอดภัย จนกระทั่งมาทำ Split test จึงพบว่าบางสถานการณ์ถ้า Step และ Tp ห่างมากเกินไปก็ไม่ดี คือ ทำให้ Tp line อยู่ห่างจาก ราคาปัจจุบันมากเกินไป วิ่งไปไม่ถึงสักที ทำให้จำนวนออร์เดอร์เหลือค้างจำนวนมากและเกิด Drawdown มาก มีโอกาสขาดทุนได้มากเช่นกัน
    • เรื่องที่ได้เรียนรู้และปรับปรุงเพื่อนำไปใช้ในการเทรด สัปดาห์ต่อไป
      • วิธีแก้พอร์ตที่มีออร์เดอร์ค้างมาก ๆ หรือโดนลากราคาไปไกล
        • วิธีแรกชื่อ เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน คือการไล่ปิดเฉพาะออร์เดอร์ที่มีกำไร > 7 pips ขึ้นไป อยู่เรื่อย ๆ
        • วิธีที่สองชื่อ ยอมยกธง หรือ ยอมแพ้บางศึกเพื่อชนะสงคราม คือยอมปิดทุกออร์เดอร์ที่ค้างอยู่เพื่อจำกัดความเสียหายให้ยังอยู่ในขอบเขตที่เรากำหนด เช่นกำหนดให้ปิดออร์เดอร์ทั้งหมดเมื่อโดนลากราคาไปเกินจำนวน 15 ออร์เดอร์ หรือประมาณ 10 USD หลังจากนั้นอาจหยุดรันพอร์ตนั้นไปเลยทั้งสัปดาห์ หรืออาจจะจัดทัพใหม่เป็น 2 ทัพเพื่อทวงทุนที่เสียไปนั้นกลับคืน
      • ปรับทุนเริ่มต้นให้เหมาะกับ %drawdown และ ครอบคลุมถึงจุด Stoploss ดังนี้
        • ลดทุนเริ่มต้นของแต่ละพอร์ตลงเหลือแค่ 25 USD
        • แต่ละพอร์ต Short Only หรือ Long Only อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น โดยจับคู่กัน ระหว่าง 2 พอร์ต
        • ลองรันคู่เงิน UJ 

    7 ความคิดเห็น:

    1. แก้ไข Use_time_trade ของ Port#3 จาก 3-22 เป็น 3-23
      เพื่อให้เป็นเวลาเดียวกันกับ Server ของ Port#1 และ Port#2 คือ 0-20

      ตอบลบ
      คำตอบ
      1. ทุกพอร์ต ต้องหลีกเลี่ยงรัน EA เวลาช่วงตี 4 ของไทย
        เพราะช่วงเวลาคิดค่าดอกเบี้ยข้ามคืน (swap) นั้นบรรดาโบรกเกอร์ต่าง ๆ จะถ่าง spread ห่างมากโดยเฉพาะ Exness

        ลบ
    2. FxClearing บัญชีประเภท ECNLT
      ค่า Spread คู่เงิน UJ = 1.2 Pip

      ตอบลบ
      คำตอบ
      1. ค่า Spread คู่เงิน UJ ต่ำกว่า ของ Exness บัญชี cent
        ดังนั้น UJ เทรดที่ FxClearing บัญชี ECNLT ได้กำไรมากกว่า แถมไม่ต้องเสียค่า swap อีกต่างหาก

        ลบ
    3. พอร์ตไหนได้กำไรครบตามเป้าหมายประจำสัปดาห์แล้วก็ หยุดรัน EA ปิดออร์เดอร์ที่ค้างอยู่ทั้งหมด
      ถ้าโลภมากบ่อยรันต่อ อาจจะพลิกจากกำไร เป็นขาดทุน ก็เป็นได้ โดนมาหลายครั้งแล้ว...

      ตอบลบ
    4. Exness บัญชี Cent
      ค่า Spread คู่เงิน AU ประมาณ 1.5-2.0 Pip

      ตอบลบ
    5. บางกรณีอาจต้องเริ่มรัน EA ไม่พร้อมกัน เพื่อจะได้จุด Tp เป็นขั้น ๆ ไป
      ยกเว้นกรณี split test

      ตอบลบ