ข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
- Total net profit (กำไรสุทธิ)
- Gross profit (กำไรรวม)
- Gross loss (ขาดทุนรวม)
- Profit factor (PF: อัตราส่วนของกำไรรวม ต่อ ขาดทุนรวม)
ระบบที่ดีควรมี PF อย่างน้อย 2.00 ขึ้นไป หรือ ถ้า PF ต่ำกว่า 1.5 แล้วก็ ไม่น่าใช้ระบบนั้น
- Expected payoff (ค่าเฉลี่ยของกำไรสิทธิ ต่อ การเทรดแต่ละออร์เดอร์)
- Total trades (จำนวนออร์เดอร์ทั้งหมดที่เปิดระหว่างการทดสอบ)
- Drawdown (DD) คือ การลดลงของเงินทุนที่เกิดจากการขาดทุนต่อเนื่อง หรือโดนลากพอร์ตติดลบ
- Absolute Drawdown คือ ผลขาดทุนมากที่สุดที่เคยเกิดขึ้นนับจากต้นทุนเริ่มต้น(deposit) ตัวนี้จะช่วยบอกว่า ต้นทุนเริ่มต้นมันเพียงพอต่อระบบเทรดนั้นหรือไม่
- Maximal drawdown (Max DD: ค่า Drawdown สูงสุดที่เกิดขึ้นในระหว่างทดสอบ)
- Relative drawdown (RDD: ค่า Drawdown สูงสุดเทียบกับจุดที่เคยมี Equity สูงสุด)
-
ความยากในการไต่ระดับเพื่อทำกำไรกลับคืน
การปล่อยให้เกิดการขาดทุนต่อเนื่อง จนทำให้ Drawdown สูงขึ้นเรื่อยๆ นั่นไม่เป็นผลดีกับคุณเลย เพราะการที่จะทำกำไรกลับมาให้เท่าส่วนที่หายไป (recover) นั้นจะยากมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นเรื่องของอัตราส่วน ไม่ใช่แค่การหักลบ ลองดูค่าจากตารางด้านล่างนี้
ดังนั้นระบบเทรดที่ดี ไม่ควรจะมี Drawdown สูงเกิน 20%
- Profit Trade(win rate%) หมายถึง ระบบที่ test จะมีอัตราการชนะจากการเทรดหรือการเปิดออเดอร์กี่ % แนะนำว่าควรมากกว่า 80% (ยิ่งมีค่า%มากยิ่งดี) ทั้งนี้ถ้า Profit trade น้อยกว่า 80% อาจต้องมาดู Profit Factor กับ Risk Reward(RR) ถ้าสัดส่วน PF มากกว่า 2 และ RR มากว่า 1:1.5 (stoploss:takeprofit ) ขึ้นไป ก็อาจจะยังเป็นทางเลือกของระบบที่ดี
สรุประบบเทรดที่ดีควรมีค่าดังนี้
ตอบลบPF > 2
Max DD < 20%
Win rate > 80%
RR > 1:1.5